Rockwell Hardness Tester หรือที่เรารู้จักกันและเรียกกันจนชินด้วยคำว่า สเกล HR
สเกล HR ของ ร็อคเวล (Rockwell) มีหน้าที่ในการทำให้การวัดความแข็งต่างๆ มีมาตรฐานเฉพาะตัวสำหรับการวัดหลายๆประเภท โดยแต่ละสเกลจะเหมาะกับการใช้วัดกับวัสดุที่แตกต่างกันออกไป น้ำหนักในการโหลด และการเลือกใช้หัววัด (Indenter)
โดยแต่ละเงื่อนไข จะถูกจำกัดไว้ด้วยกับคำว่า ‘ความเหมาะสม’
และโดยส่วนมาก เครื่องวัดความแข็ง ณ ปัจจุบัน มักจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนค่า แปลงค่า ในตัวเครื่องเองเพื่อความสะดวก โดยไม่ต้องมีการใช้สูตร แทนค่าแปลงค่าต่างๆให้ยุุ่งยาก
** อย่างเครื่องทดสอบความแข็งของเรา ทั้ง FR-X Rockwell hardness tester จาก Future-tech และรุ่นราคาที่ถูกลงอย่างเครื่องโมเดล 8MHRS-150H ที่สามารถแปลงค่าได้ เปลี่ยนค่าระบบดิจิตอลในตัว
การเลือกใช้สเกลต่างๆในการวัดความแข็งประเภท Rockwell มักมี 4 อย่างที่ต้องคำนึงถึงเสมอ นั้นก็คือ 1. หัวกด 2. ความแข็งของวัสดุ 3. ความหนาชิ้นงาน 4. น้ำหนักโหลด ซึ่ง 4 อย่างนี้ คือการดูและเปรียบเทียบ ผนวกกับสเกลที่ใช้ให้มีความเหมาะสม เพื่อการวัดที่ได้คุณภาพที่สุด
ชนิดหัวกด | ขนาดของหัวกด | ความแข็งของวัสดุ | ความหนาของชิ้นงาน | ผิวหนาของชิ้นงาน | วัสดุที่ใช้ทำหัวกด |
หัวเพชร (Diamond indenter) | 120° ของลักษณะกรวย (Cone) | วัสดุแข็ง | ชิ้นงานบาง | เรียบ | เพชร |
หัวเหล็กชุบแข็ง บอลเหล็ก (ฺBall indenter) | Ø 1.588 mm (1/16″) | วัสดุทั่วไป | ชิ้นงานทั่วไป | เรียบ | เหล็กกล้าชุบแข็ง |
หัวเหล็กชุบแข็ง บอลเหล็ก (ฺBall indenter) | Ø 3.175 mm (1/8″) | วัสดุเหนียว | ชิ้นงานทั่วไป | เรียบ | เหล็กกล้าชุบแข็ง |
ชนิดหัวกด: หัวเพชร (Diamond indenter)
เหมาะกับวัสดุประเภท: โลหะที่มีความแข็งสูง ที่มีค่าความแข็งระหว่าง 60-88 HRA
ซีเมนต์คาร์ไบต์, ทังสเตนคาร์ไบต์, เหล็กกล้าที่มีขนาดบาง, เหล็กกล้าอ่อน, เหล็กหล่อสีเทา หรือเหล็กกล้าชุบแข็งผิวไม่ลึก
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 150 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเหล็กชุบแข็ง 1.588 mm
เหมาะกับวัสดุประเภท: โลหะที่มีความแข็งปานกลาง ที่มีค่าความแข็งระหว่าง 35-100 HRB
เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ-ปานกลาง โลหะผสมของทองแดง โลหะผสมของอลูมิเนียม และเหล็กหล่ออบเหนียว
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 100 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเพชร (Diamond indenter) มีการเจาะที่ลึกมากขึ้น (Deep penetrations)
เหมาะกับวัสดุประเภท: เหล็กกล้า เหล็กหล่อที่มีความแข็งสูง (Hard Cast Irons) และ พื้นผิวแข็งมาก
เหล็กหล่ออบเหนียวชนิดเพอริติก ไทเทเนียม เหล็กกล้าไร้สนิม เหล็กกล้าชุบแข็งที่ผิวลึก และวัสดุอื่นๆ ที่มีความแข็งมากกว่า 100HRB
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 150 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเพชร (Diamond indenter)
เหมาะกับวัสดุประเภท: เหล็กกล้าชุบผิวแข็ง และวัสดุแข็งมาก
เหล็กกล้าที่มีขนาดบาง เหล็กหล่ออบเหนียวชนิดเฟอร์ริติก (Ferritic) เหล็กกล้าชุบแข็งลึก
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 100 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเหล็กชุบแข็ง 3.175 mm
เหมาะกับวัสดุประเภท: เหล็กเหล็กหล่อ โลหะผสมต่างๆ เช่น โลหะผสมแมกนีเซียม โลหะผสมอลูมิเนียม โลหะแบริ่ง
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 150 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเหล็กชุบแข็ง 1.588 mm
เหมาะกับวัสดุประเภท: โลหะแผ่นบางและผ่านการอบอ่อน เช่นทองแดง ทองเหลือง
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 60 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเหล็กชุบแข็ง 1.588 mm
เหมาะกับวัสดุประเภท:โลหะผสมแข็งไม่เกิน 92HRG เช่น บรอนซ์เบริลเลียม (Beryllium copper) ฟอสฟอรัสบรอนซ์ (Phosphor bronze)
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 100 kgf
ชนิดหัวกด: หัวเหล็กชุบแข็ง 1.588 mm
เหมาะกับวัสดุประเภท: โลหะอ่อนแผ่นบาง เช่นสังกะสี อะลูมิเนียม ตะกั่ว
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 150 kgf
เหมาะกับวัสดุประเภท: วัสดุอ่อนมากๆและแผ่นบาง อโลหะ พลาสติก ปะเก็บ วัสดุฉนวน ฯลฯ
โหลดน้ำหนัก: เริ่มต้น 10 kgf และโหลดสุดท้าย 100 kgf
หัวเหล็กชุบแข็ง 3.175 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 6.35 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 6.35 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 12.7 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 12.7 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 12.7 mm
หัวเหล็กชุบแข็ง 12.7 mm
และหากเราอิงจาก Standard Blocks สำหรับมาตรฐานการวัดความแข็งแล้ว หากเราใช้เทียบกับมาตรฐานแล้ว เราอาจได้ค่าที่กดลงไปได้แม่นยำมากขึ้น
Digital marketing and Content designer of IKKI Thailand
ตลาดอุตสาหกรรม นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ และการเข้าใจตลาดของอุตสาหกรรม ในทัศนคติของตัวผมเอง ผมมองคำว่า User Experience หรือ ประสบการ์ณการใช้งานของผู้ใช้งาน เป็นหัวใจหลักของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม
ในทุกๆครั้ง คำถามมากมายที่ผมมักถามตัวผมเองก่อนเสมอ… สินค้าจะไปเพิ่มอะไรในโรงงาน คุณภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไหม ระบบการทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม ระบบการทำงานดีขึ้นไหม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน…
ซึ่งการตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ อันดับแรก คือการมองเห็นศักยภาพของสินค้าของเรา หน้าที่เราจึงเป็นการที่เราจะต้องเข้าใจ ระบบการทำงานในโรงงานทั้งหมด ในสินค้าของเรา และการใช้งานของสินค้า เพื่อการมอบ User Experience ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า