คำว่า CMM ย่อมาจาก Coordinate Measuring Machine ซึ่งตามความหมายของมัน คือการวัดจากการ “กำหนดจุด” ตำแหน่งต่างๆ และนำมาประสานกัน, ประมวลผลออกมา เพื่อการแสดงผลลัพท์และการวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบ 3D ที่สามารถระบุ ระยะออกมาได้เทียบเท่ากับ การวัด
ซึ่ง เครื่อง CMM สามารถวัดได้ทั้งแกน X Y Z ทำให้สามารถวัดชิ้นงาน ในรูปแบบ 3 มิติและหลายๆมุม
**ซึ่งหากเรายังสับสน แนะนำให้เราลองนึกถึง ชิ้นงานรูปทรงสามเหลี่ยมและการใช้เครื่อง CMM คือการกำหนดจุด ที่มุมสามจุด และประมวลผลออกมาเป็นเป็นระยะของด้านแต่ละด้าน หากจุดมากขึ้นจากมุมทั้งหมด ตามรูปทรงชิ้นงาน ก็จะเกิดเป็นชิ้นงาน 3 มิติ และนำไปวิเคราะห์และหาผลการวัดต่างๆ**
เครื่อง CMM สามารถใช้ในอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ต้องการการวัด ที่มีความละเอียดและแม่นยำระดับนึง (ไม่ใช่ที่สุด) อีกทั้งยังคลอบคลุมการวัดส่วนต่างๆ และเรามักจะพบเห็นได้ใน อุตสาหกรรมยานยนตร์ อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ( อุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียดระดับนึง และความรวดเร็วในการวัด ในการวัดชิ้นงาน ซ้ำๆ Repeatability )
โดย CMM ประเภทที่เราจะพูดถึงคือ CMM ประเภท Touch probe หรือโพรบสัมผัส ที่ส่วนของ Probe จะถูกติดตั้งด้วย Styli ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ และส่งต่อสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผลการวัด
จะอยู่ในรูปแบบของ Dimensional (การวัดระยะ) เช่น มิลลิเมตร (mm), ไมครอน (um)
แต่ละประเภทของเครื่อง CMM จะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป หรือฟังก์ชันที่ต่างกันไป แต่หลักแล้ว ข้อดีของเครื่อง CMM ทำให้การวัดชิ้นงานและวิเคราะห์ใช้เวลาน้อยลงมาก และยังลดความยุ่งยากในการวัดวิเคราะห์ชิ้นงาน (น้อยลงในที่นี้คือ การเสียเวลาในการถอดประกอบ รื้อชิ้นงาน เพื่อมาวัดแต่ละส่วน และนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์)
และหากเราขยายความเพิ่มจากการลดความยุ่งยากต่างๆ เราต้องขอยกตัวอย่าง
เทคโนโลยี แสกนนิ่ง ที่ใช้ร่วมกับ Touch Probe ให้การวัดตรวจสอบ ได้ไวขึ้นและแม่นยำขึ้น อย่างการเช่นการวัดในลักษณะวงกลม เพื่อค่าความกลม ที่แม่นยำขึ้นและใช้เวลาน้อยลง
RDS แขนหมุนโพรบ ทำให้การใช้งานเครื่อง CMM ยุ่งยากน้อยลงในขั้นตอนของข้อจำกัดองศา ที่เครื่องปกติ เราอาจจะต้องมีการเปลี่ยน Styli Extension ต่างๆ แต่ RDS ทำให้โพรบสามารถหมุนได้ 5,184 องศา
Software ที่รองรับให้การตรวจสอบ การวัดดีขึ้น
ขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และอาจต้องมีการจัดพื้นที่ หากเทียบกับขนาด CMM Zeiss Spectrum ขนาดจะค่อนข้างต้องการ พื้นที่ในการติดตั้งและพื้นที่สำหรับการทำงานของเครื่องด้วยเช่นเดียวกัน และ การควบคุมสภาวะแวดล้อมขณะวัดก็จำเป็นเช่นเดียวกัน (สามารถใช้งานควบคู่กับ Styli Carbon Fiber ในพื้นที่ ที่อุณหภูมิสูง) นอกจากขนาดใหญ่แล้ว เครื่อง CMM ยังมีราคาค่อนข้างสูง
คำถามนี้ อาจจะไม่สามารถตอบได้อย่าง 100% ว่าเราควรมีหรือไม่เคยมี เพราะหากต้องการ การวัดที่มีความละเอียดสูง ก็ยังมีเครื่องที่ตอบโจทย์ของ เครื่องที่มีความละเอียดสูงมาก และเฉพาะจุดกว่า โดยมีบางกรณีที่จำเป็นจริงๆ คือหากต้นทางใช้ CMM ในการวัด เราก็จำเป็นจะต้องใช้ CMM ในการวัด หากถามถึงความจำเป็นจริงๆแล้ว ต้องตอบว่า หากกำลังมองหา เครื่องมือที่วัดได้ครอบคลุม ละเอียดระดับนึง และใช้เวลาน้อยลง กว่าการวัดแยกชิ้นส่วน รื้อประกอบ ก็ถือเป็นเครื่องมือ อย่างนึงที่ควรจะมี (ปล. จะต้องมีการตั้ง Datum เซ็ทค่าโปรแกรมการวัด แต่ทำครั้งเดียววัดกันยาวๆ)
Digital marketing and Content designer of IKKI Thailand
ตลาดอุตสาหกรรม นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ และการเข้าใจตลาดของอุตสาหกรรม ในทัศนคติของตัวผมเอง ผมมองคำว่า User Experience หรือ ประสบการ์ณการใช้งานของผู้ใช้งาน เป็นหัวใจหลักของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม
ในทุกๆครั้ง คำถามมากมายที่ผมมักถามตัวเองผมเองก่อนเสมอ… สินค้าจะไปเพิ่มอะไรในโรงงาน คุณภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไหม ระบบการทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม ระบบการทำงานดีขึ้นไหม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน…
ซึ่งการตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ อันดับแรก คือการมองเห็นศักยภาพของสินค้าของเรา หน้าที่เราจึงเป็นการที่เราจะต้องเข้าใจ ระบบการทำงานในโรงงานทั้งหมด ในสินค้าของเรา และการใช้งานของสินค้า เพื่อการมอบ User Experience ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า