Menu
หลายๆคนคงรู้จักกันดีกับ Block Gauge เกจวัดต่างๆ ที่ใช้ในการตั้งค่าของเครื่องมือวัดนั้น หรือใช้อ้างอิงค่าต่างๆของเครื่องมือวัดได้
แล้วเครื่องมือวัดความแข็งละ? คำตอบก็คือ Hardness Test Blocks หรือ Standard block
เทสบล็อค หรือ Standard block ทำหน้าที่ในการควบคุมคุณภาพ ตั้งค่า อ้างอิงค่า ของเครื่องวัดความแข็งอย่าง (Hardness Tester) โดยการทดสอบวัดค่าความแข็ง จะถูกนำมาใช้ในการวัดโดยภาพรวมของเครื่องวัดความแข็ง ไม่ได้มีการเจาะจงไปที่สภาพความสมบูรณ์ของชิ้นส่วนแต่ละชิ้น เช่น สภาพน้ำหนักโหลด หัววัด Indenter หรือมาตรวัดต่างๆ แต่ Hardness Test block จะเป็นการดูภาพรวม และอ้างอิงค่าก่อนนำ Hardness Tester ไปใช้วัดจริงๆ
ด้วยการผลิตที่ปราณีตจากทางญี่ปุ่น เพื่อให้ได้มาตรฐานของการวัดความแข็ง
แรกเริ่มที่เราจะทำการใช้ Hardness Test Block เราจะต้องรู้ถึงค่าความแข็ง สเกลการวัด ประเภทของเครื่องวัดความแข็ง ที่เราต้องการก่อน เช่น เครื่องวัดความแข็ง ประเภท Rockwell สเกลความแข็ง HRC ค่ามาตรฐาน ที่เราต้องการ 45, 64 และ 67 – ไม่ต้องการการสอบกลับ
ดังนั่น Model ที่เหมาะกับความต้องการก็คือ TY-C45, TY-C64, TY-C67
ถ้าเราพอเข้าใจคอนเซ็ปแล้ว ลองไปดูตารางด้านล่างกันดูนะ
โดยตำแหน่งของ การทดสอบ เราจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน เพื่อลดการคลาดเคลื่อนของแต่ละครั้งของการวัด เช่น หากเราวัด 5 ครั้งบนเทสบล็อค ในตำแหน่งโซนที่หนึ่ง เพียงอย่างเดียว ค่าที่ได้อาจมีการลำเอียง (Bias) และอาจส่งผล ให้ผลลัพท์ที่ลดความน่าเชื่อถือลงด้วยเช่นเดียวกัน
ตำแหน่งของแต่ละจุดที่ใกล้กันจนเกินไป อาจส่งผลให้การวัดมีการคลาดเคลื่อน โดยเราแนะนำ ให้รักษาระยะห่างกันออกไป ของสองจุดทดสอบขึ้นไป (หลุมทดสอบ และ บวกเพิ่มขนาดของหลุมทดสอบไปอีกสองหลุม ก่อนทดสอบถัดไป)
ทำความสะอาด Hardness Test Block ก่อนนำมาใช้ด้วย แอลกอฮอล์และผ้านุ่มเช็ดทำความสะอาด ขจัดน้ำมันกันสนิมที่ถูกชุบบนตัว Hardness Test Block
*วัสดุประเภท ทองแดงและทองเหลือง ไม่มีการชุบน้ำมันป้องกันสนิม เพราะฉะนั้น เราสามารถใช้งานได้เลย
Digital marketing and Content designer of IKKI Thailand
ตลาดอุตสาหกรรม นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ และการเข้าใจตลาดของอุตสาหกรรม ในทัศนคติของตัวผมเอง ผมมองคำว่า User Experience หรือ ประสบการ์ณการใช้งานของผู้ใช้งาน เป็นหัวใจหลักของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม
ในทุกๆครั้ง คำถามมากมายที่ผมมักถามตัวผมเองก่อนเสมอ… สินค้าจะไปเพิ่มอะไรในโรงงาน คุณภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไหม ระบบการทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม ระบบการทำงานดีขึ้นไหม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน…
ซึ่งการตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ อันดับแรก คือการมองเห็นศักยภาพของสินค้าของเรา หน้าที่เราจึงเป็นการที่เราจะต้องเข้าใจ ระบบการทำงานในโรงงานทั้งหมด ในสินค้าของเรา และการใช้งานของสินค้า เพื่อการมอบ User Experience ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า