หนึ่งในการทดสอบไม่ทำลาย NDT นั้นก็คือ ET หรือ Eddy Current Testing
การทดสอบที่ใช้ตรวจสอบ หาความสมบูรณ์ของชิ้นงาน เพื่อหารอยแตก รอยตำหนิ หรือความไม่สมบูรณ์ต่างๆ
Eddy Current คือ กระแสไฟฟ้าไหลวน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการทดสอบ MT แต่ Eddy current คือการใช้กระแสไฟฟ้า ปล่อยลงไปในขดหลวด เพื่อสร้าง สนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetism) และ Eddy current จะสร้างปรากฏการ์ณ การเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetism induction)
โดยไฟฟ้าที่ถูกไหลวนลงไปบนชิ้นงาน จะเกิดสนามแม่เหล็กจากการเหนี่ยวนำ
และนั้น จึงทำให้ในอุตสาหกรรมต่างๆ นำมาใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์
เช่นหากไฟฟ้าที่ไหลได้ ในความสเถียร เหมือนรถวิ่งบนพื้นเรียบ และหากมีหลุม มีส่วนเกินที่ออกมา จะทำให้รถที่แล่นมีการกระตุก การไหลของไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน จึงทำให้เราทราบได้ว่า ชิ้นงานมีความไม่สมบูรณ์ หรือมีบางอย่างเกิดขึ้นกับชิ้นงาน
และด้วย Eddy Current ทำให้ ในโรงงานประหยัดต้นทุน ในการตัดเปิดชิ้นงาน และเวลาที่เพิ่มมากขึ้น
การตรวจสอบเกลียวต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไหม หลายๆครั้งเรามักเจอปัญหาที่จะต้องหาเครื่องมือประเภทไหน และจบที่การ ตัดชิ้นเพื่อตรวจสอบภายใน
แต่ MTD-100 จะนำเทคโนโลยี Eddy Current มาใช้งานกับ การตรวจสอบเกลียวภายใน
ลวดที่ถูกขดอยู่ในโพรบ จะทำหน้าที่ในการปล่อยกระแสไฟ และสร้าง สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ที่จะส่งต่อไปที่ เกลียวรอบๆ และการไหลนี้จะถูกวัดออกมาเป็นค่า mV โดยการกำหนดของ Threshold เพื่อกำหนดค่าสูง และต่ำ คล้ายกับการทำ UCL LCL
เมื่อเครื่องอ่านสัญญานของกระแสไฟฟ้า จะแสดงค่าออกมาและไฟสถานะ OK NG
ตัวอย่างของ เกลียวที่สภาพไม่สมบูรณ์
ด้วยลักษณะของโพรบ ที่จะให้การใช้งานเป็น Contactless หรือไร้การสัมผัส นั้นทำให้ กระแสไฟฟ้าที่ไหลวน สามารถตรวจสอบระยะของ Diameter ของเกลียวภายใน ให้มีความถูกต้อง หรือระยะความลึกต่างๆได้ โดยการอ้างอิงจาก ระยะแรกเริ่มของเกลียว Master และเปรียบเทียบกับชิ้นงานที่ใช้สำหรับการทดสอบ ทำให้ถึงแม้จะไร้การสัมผัส ก็สามารถ ตรวจจับจากระยะของคลื่น ก่อนจะโดนเกลียวได้
Digital marketing and Content designer of IKKI Thailand
ตลาดอุตสาหกรรม นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ และการเข้าใจตลาดของอุตสาหกรรม ในทัศนคติของตัวผมเอง ผมมองคำว่า User Experience หรือ ประสบการ์ณการใช้งานของผู้ใช้งาน เป็นหัวใจหลักของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม
ในทุกๆครั้ง คำถามมากมายที่ผมมักถามตัวเองผมเองก่อนเสมอ… สินค้าจะไปเพิ่มอะไรในโรงงาน คุณภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไหม ระบบการทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม ระบบการทำงานดีขึ้นไหม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน…
ซึ่งการตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ อันดับแรก คือการมองเห็นศักยภาพของสินค้าของเรา หน้าที่เราจึงเป็นการที่เราจะต้องเข้าใจ ระบบการทำงานในโรงงานทั้งหมด ในสินค้าของเรา และการใช้งานของสินค้า เพื่อการมอบ User Experience ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า