IAQ ที่ถูกบรรจุอยู่ใน IEQ (Indoor Environmental Quality) หรือก็คือ คุณภาพของอากาศภายใน ก็ถูกบรรจุอยู่ในหนึ่งของ คุณสภาพแวดล้อมภายใน และยังมีทั้งคุณภาพของ Visual การมองเห็น Thermal ด้านอุณหภูมิ และ Acoustic ด้านเสียงรบกวนต่างๆ เพราะ IEQ คือข้อกำหนดที่ควรปฏิบัติตามของโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นใน ด้านความปลอดภัยของพนักงานเอง ด้านของสภาพแวดล้อมการทำงาน
และแน่นอน IEQ ที่ไม่ดีก็อาจส่งผลต่อ อุตสาหกรรมการผลิตได้ทุกรูปแบบ เช่น อุณหภูมิ ความชื้นสูงเกินไป วัตถุดิบอาจมีการเน่าเสีย หรือแม้แต่การเกิดสนิม หรือแสงที่มากเกินไป จะอาจะมีการทำงานที่พลาด ส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน หรือแม้แต่ ก๊าซที่ส่งผลต่อพนักงานโดยตรง หรืออาจก่อให้เกิด เพลิงไหม้ได้เช่นเดียวกัน
IEQ หรือ ชื่อเต็มๆของมันคือ Indoor Environmental Quality ซึ่งแปลความหมายได้ตรงตัว นั้นก็คือ คุณภาพ สภาพแวดล้อมภายใน โดยที่สภาพแวดล้อมภายใน ที่หมายถึงนั้นคือ สภาพแวดล้อมภายในที่ประกอบด้วย คุณภาพของอากาศ (Air quality), สภาวะแสงที่สบายตา (Visual Comfort), สภาวะของอุณหภูมิ (Thermal Comfort) และ สภาวะของเสียงรบกวนต่างๆ (Acoustic Comfort) โดยที่สภาวะต่างๆ และคุณภาพของสภาพแวดล้อม
ก็นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากใน โรงงงาน ที่เอื้อต่อ ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน, ความปลอดภัยของการทำงาน, ความทนทานของเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ และคุณภาพของการผลิตด้วยเช่นเดียวกัน
Acoustic Comfort คือสภาวะต่างๆของเสียงรบกวน เสียงที่ดังมากเกินไปในไลน์การผลิต ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงาน และรบกวนการทำงานของพนักงานได้อีกด้วย และแน่นอนส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยตรง และการติดต่อสื่อสาร และหากเสียงที่ดังมากเกินไป จนออกไปบริเวณด้านนอกก็อาจจะส่งผลต่อ มาตรฐาน ISO มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ต่างๆได้อีกด้วย
**ในบางกรณี เสียง หรือ การสั่นของเครื่องจักร ก็สามารถบอกได้ถึงการทำงานที่ผิดพลาดของเครื่องจักรได้อีกด้วย ดังนั่นอาจต้องมีการแบ่งแยกโซนของเครื่องจักร หรือเครื่องมือเช็คที่ดีสำหรับส่วนนี้
Visual Comfort หรือก็คือ สภาวะแสงที่สบายตา ซึ่งหลายๆคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น แค่สว่างก็พอ แต่จริงๆ ในการออกแบบภายใน หรือ สถาปัตยกรรม สำหรับโรงงาน จะต้องมีการคำนวนระบบแสงไฟ เพื่อให้แสงสว่างที่พอเพียง และมักจะมีการวัดด้วยเครื่องวัดแสง (Lux meter) เพื่อให้ได้แสงที่เพียงพอต่อการใช้งานในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นในโซนของการผลิต ออฟฟิส หรือ ให้ห้องวัด ห้อง QC ต่างๆได้อีกด้วย
เพราะแสงไฟที่พอเหมาะ จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือแม้แต่ในห้องปฏิบัตการ ก็ยังมีการควบคุมแสงที่ดีมาก ค่า Lux ที่พอเหมาะ เพื่อเลี่ยงปฎิกิริยา ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
IAQ หรือ Indoor Air Quality ซึ่งแปลได้ตรงตามตัว ก็คือคุณภาพของอากาศภายใน สิ่งที่เรามองว่า อาจจะมีความสำคัญเป็นอับดับแรก
หากเราจัดอันดับของ IEQ ทั้งหมด เพราะอากาศคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเสมอ และนั้นทำให้ คุณภาพของอากาศอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลทั้งคุณภาพการผลิต, ประสิทธิภาพการทำงาน และด้านความปลอดภัย
คุณภาพของอากาศ ในโรงงาน โดยคุณภาพของอากาศจะถูกวัดอยู่ด้วยกัน ด้วยปัจจัย 4 ส่วนนั้นก็คือ ก๊าซ, การไหลของอากาศ, ฝุ่นหรือควัน และ อุณหภูมิความชื้น และ IAQ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ที่สามารถส่งผลกระทบได้โดยตรง นั้นก็คือ
เริ่มจากอุตสาหกรรมอาหารวัตถุดิบต่างๆ ที่สามารถได้รับผลกระทบจาก อุณหภูมิความชื้นที่สูง ที่อาจเกิดการเน่าเสีย หรือ การป่นเปื้อนของฝุ่นควัน หรือก๊าซผิดต่างๆ ที่อาจทำให้การทำ HAACP ได้ค่าที่ต่ำลงไปมาก
และอาจนำมาซึ่งการเสื่อมสภาพของเครื่องจักรด้วยเช่นเดียวกัน อุณหภูมิที่สูงทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าปกติ หรือการรวมตัวของฝุ่นจนอุดตันในเครื่องจักร หรือแม้แต่ปฏิกริยาต่างๆ ของก๊าซที่อาจเกิดขึ้น
แน่นอนว่าประสิทธิภาพการทำงานจะถูกลดหลั่นลงไป จากคุณภาพอากาศที่แย่ เช่น อากาศที่ร้อนจนทำงานไม่สะดวก หรือแม้แต่พนักงานที่ได้รับก๊าซพิษ ฝุ่นควันต่างๆ จนไม่สามารถทำงานได้ ให้เกิดความล่าช้าเพิ่มเติม และสุขภาพของพนักงาน ฝุ่นและควันต่างๆ ที่อาจทำให้การให้การใช้งานเครื่องมือต่างๆ ประสิทธิภาพลดลงจนพ่วงไปอีกเป็นผลกระทบอีกมาก ที่อาจต้องมีการส่งซ่อมแซม หรือความเสียหายต่างๆ ที่อาจทำให้การทำงานล่าช้า
ความปลอดภัยอันดับหนึ่งนั้นก็คือ สุขภาพของพนักงาน ที่คุณภาพอากาศที่แย่จะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง และพ่วงถึงปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆเพิ่มเติม หรือแม้ถ้ามีอุตสาหกรรมอาหาร ที่มีสารพิษต่างๆ ที่หลุดการตรวจสอบและส่งผลต่อผู้บริโภคได้อีกด้วย
และความปลอดภัยของตัวโรงงานเองด้วย เช่นหากมีการรั่วไหลของก๊าซ ของจากเกิดเพลิงไหม้ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน และยังส่งผลต่างๆอีกมากมายในด้านความปลอดภัย
การวัดก๊าซ โดยส่วนมากจะถูกแบ่งออกไปด้วยการวัดก๊าซ 4 ก๊าซในอากาศเป็นหลัก
ก๊าซที่สามารถส่งผลกระทบ ต่อพนักงานได้โดยตรง CO หรือ Nitrogen Dioxide และอีกมากมาย ที่รวมทั้ง ประเภท LEL VOC ที่มีความเข้มข้นน้อย และอาจทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ด้วย เครื่องวัดก๊าซ (Gas Detector) จึงมีความจำเป็น เป็นอย่างมากต่อการวัดคุณภาพของอากาศภายใน
ฝุ่นควัน หากอยู่ภายนอกก็นับว่ามีอันตรายต่อคนทั่วไป แต่หาก ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นภายในอาคาร อาจส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง และอาจนำพาไปสู่การเสื่อมสะภาพของเครื่องจักร เครื่องมือ และยังเพิ่มอุณหภูมิให้กับภายในอาคารได้อีกด้วย และคุณภาพของการวัด คุณภาพของการผลิตก็อาจมีผลกระทบ จาก Airbourne Particle หรืออนุภาคในอากาศอีกด้วย
เครื่องมือที่เราคุ้นเคยกันดี คือ Anemometer ที่ใช้สำหรับการเคลื่อนไหวของของอากาศ (Air Flow) และ ความเร็วของลม เพื่อตรวจหาการถ่ายเทของอากาศ และอุณหภูมิของลมที่ไหลด้วยเช่นกัน เพื่อทำการลดอุณหภูมิของบริเวณนั้นๆอีกด้วย
อุณหภูมิ และ ความชื้น ก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญเช่นเดียวกัน และเราก็ควรที่จะมีการวัดและบันทึกค่า Monitoring อยู่ตลอดเวลา เพราะความร้อน และความชื้นก็อาจส่งผลต่อ การเกิดเชื้อรา สะสมของแบคทีเรีย หรืออากาศที่ร้อนก็อาจ เกิดปฏิกริยาต่างๆ ที่อาจทำให้อากาศเป็นพิษ และยังส่งผลต่างๆได้อีกมากมาย
ทั้งสองคือการสร้าง ควบคุม ดูแล สภาพแวดล้อมของการทำงานในโรงงาน ให้ดีที่สุด เพื่อประสิทธิภาพของการทำงานที่ดีที่สุด คุณภาพการผลิตที่ดีมากขึ้น ลดตัวแปรที่อาจเป็นปัจจัยที่ก่อเกิดปัญหาตามมา และยังรวมถึงการขอมาตรฐาน ISO ทั้งด้านคุณภาพสินค้า หรือตัวโรงงานเองได้อีกด้วย
Digital marketing and Content designer of IKKI Thailand
ตลาดอุตสาหกรรม นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ และการเข้าใจตลาดของอุตสาหกรรม ในทัศนคติของตัวผมเอง ผมมองคำว่า User Experience หรือ ประสบการ์ณการใช้งานของผู้ใช้งาน เป็นหัวใจหลักของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม
ในทุกๆครั้ง คำถามมากมายที่ผมมักถามตัวผมเองก่อนเสมอ… สินค้าจะไปเพิ่มอะไรในโรงงาน คุณภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไหม ระบบการทำงานจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม ระบบการทำงานดีขึ้นไหม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน…
ซึ่งการตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ อันดับแรก คือการมองเห็นศักยภาพของสินค้าของเรา หน้าที่เราจึงเป็นการที่เราจะต้องเข้าใจ ระบบการทำงานในโรงงานทั้งหมด ในสินค้าของเรา และการใช้งานของสินค้า เพื่อการมอบ User Experience ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า